วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Stem cell เปลี่ยนโลก...?

ช่วงนี้บ้านเราร้อนๆเนาะ ฝนก็ตก อยู่ดีๆจะตกก็ตก บางทีนัดเพื่อนไว้อุตส่าห์ดูท้องฟ้าว่าแจ่มใสแล้วนะยังไม่รอด...ฮึ่ม!!

อากาศทั่วโลกมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ผมคิดถึงสมัยสิบกว่าปีก่อนที่หน้าหนาวใส่เสื้อแจ็กเก็ตไปโรงเรียนอวดกัน ตอนเช้ามืดต้องเอามืออังที่ปากแล้วพ่นลมออกมาให้มันเป็นควัน ดูดีชะมัดสำหรับเด็กน้อยที่เกิดในประเทศที่ไม่ค่อยมีหน้าหนาวแล้วอยากสัมผัสไอเย็นแม้ตอนหลังเที่ยงเป็นต้นไปมันจะกลับมาสภาพเดิมคือร้อนตับแตกจนต้องถอดเสื้อหนาวเก็บแทบไม่ทันแต่อย่างน้อยก็มีความสุขที่ได้เอนจอยกับหน้าหนาวของบ้านเรา

ผมว่าฤดูกาลปีนี้แปลกที่สุดในรอบหลายปี...ไม่ใช้สิ ต้องบอกว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอสภาพอากาศแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ...

จำกันได้มั๊ย เข้าหน้าร้อนแต่อุณหภูมิเหลือแค่ 19 องศาตั้งหลายวันแถมไม่ไปแล้วไปลับยังกลับมาหยอกกันเป็นระลอกจนคนที่อยากพักผ่อนไม่รู้จะไปทะเลหรือภูเขาดี

(ไปทะเลหน้าหนาวกับไปภูเขาหน้าร้อนนี่มันฝันร้ายชัดๆ!)

อย่างว่าเนาะคนเราก็อยากจะได้อะไรที่มันสะดวกสบายกับตัวเองให้มากที่สุด

กินก็อยากกินดีๆ อยู่ก็อยากได้ห้องใหญ่ๆ ทำงานก็อยากให้ได้เงินเดือนเยอะๆงานน้อยๆ

ทำไมเวลามีเมียไม่เห็นอยากได้แบบมีคนเดียวแต่คุณภาพคับแก้วบ้างเลย เห็นมีแต่อยากได้หลายๆคนแต่เก่งต่างกันคนละเรื่อง 55

ล่าสุดมนุษย์เราก็สนองความต้องการของตัวเองได้อีกขั้นแล้วด้วยการค้นพบครั้งล่าสุดเกี่ยวกับ Stem cell

มันคืออีหยัง...?

เกริ่นเอาพอเข้าใจแล้วกันนะครับเพราะรากลึกจริงๆผมก็ไม่ค่อยเข้าใจละเอียดมากเอาเป็นว่าไอ้เจ้า Stem cell ตัวนี้มันคือเซลล์ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่เปรียบเสมือนเป็นหัวหน้างานคอยดูแลทุกเซลล์ในร่างกาย

ถ้าเริ่มตั้งแต่ที่ตัวอสุจิได้วิ่งเข้าไปเจาะไข่ได้สำเร็จมันก็จะทำการปิดตัวเองคือไม่อนุญาตให้อสุจิตัวไหนได้ผ่านเข้ามาอีกปล่อยให้ไอ้ตัวที่เข้ามาเป็นที่1ได้เริ่มสร้างงานก็คือสร้างชีวิตน้อยๆโดยจะเริ่มตั้งแต่ปฏิสนธิแล้วค่อยๆแบ่งเซล์ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นร่างกายและส่วนอื่นๆ ไอ้ที่สำคัญมันอยู่ตรงนี้ละครับว่าแล้วเซลล์ไหนจะรู้ได้ยังไงว่าใครจะไปเป็น หู ตา จมูก แขน ขา สมอง...?

Stem cell เค้าจัดให้ครับโดยพอเซลล์เริ่มแบ่งตัว Stem cell ก็จะเข้่ามามีบทบาทโดยแปลงตัวเองไปเป็นส่วนต่างๆที่สำคัญในร่างกายโดยอัตโนมัติ นั่นหมายถึงไม่มีเซลล์ไหนเกิดมาแล้วต้องไปเป็นแขน ไปเป็นขา ไปเป็นตับ ไปเป็นหัวใจ ทุกๆเซลมาจาก Stem cell ที่จะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นอวัยวะที่จำเป็นของร่างกายตามแต่สมควร

Stem cell จึงหมายถึงเซลล์ต้นกำเนิด...

นักวิทยาศาสตร์ใช้เวลาแกะรหัศปริศนานี้ อยู่หลายปีครับกว่าจะรู้ว่าไอ้เจ้า Stem cell มันเป็นอะไรมาจากไหนจนล่าสุดก็แกะได้แล้ว

Stem cell สำคัญยังไงและมีประโยชน์แค่ไหน??

ในเมื่อมันมีความสามารถในการแปลงตัวเองเป็นเซลล์ไหนก็ได้ในร่างกายนั่นก็หมายความว่าเราสามารถปลูกถ่ายอวัยวะทุกๆชิ้นในร่างกายโดยใช้ Stem cell

 ขั้นตอนและวิธีการในการเปลี่ยนตัวเองไปเป็นอวัยวะชิ้นไหนได้อย่างไรถ้าสนใจรบกวนไปค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเอาเองละกันนะคับ ขอโทษที ผมมันพวกเป็ด เดินได้ ว่ายน้ำได้ บินได้ บก น้ำ อากาศได้หมดแต่ไม่แข็งซักอย่าง

ประมาณว่าเอาเจ้าเซลล์ตัวนี้มาเพาะกับสิ่งที่เราอยากให้มันเป็นแล้วมันจะกลายเป็นเซลล์หรืออวัยวะนั้นเอง เรียกได้ว่าต่อไปไม่ต้องปลูกถ่ายอวัยวะแล้ว แต่ปลูก ง่ายกว่าเยอะ

นักวิทยาศาสตร์บอกว่าถ้าเราใช้วิธีนี้ปลูกถ่ายอวัยวะของเราที่ชำรุดไปเรื่อยๆเราอาจจะยืดอายุได้ไปอีก30-40ปี บางคนบอก 50ปี...

มันก็อาจจะดีกับหลายคนนะครับที่อยากอยู่ดูโลกไปอีกนานๆแต่สำหรับผมจะอีกร้อยหรือสองร้อยปียังไงเราก็ต้องไปแล้วจะไปลากให้มันยาวไปทำไม...?

ต่างคนก็ต่างมองครับไม่ว่ากันตามประสาชาวบ้านที่ทำมาหากินไปวันๆ

แต่ไอ้ที่ทำมาหากะกินกันข้ามจักรวาลนี่ดิ...?

บางคนเค้าคิดมากกว่านั้นครับ เค้าคิดถึงการที่คนจะมีอะไรที่มันมากไปกว่าคนธรรมดา คิดอยากให้คนมีพลังพิเศษบ้าง...

ผมไม่ได้หมายถึงต้องพ่นใยแมงมุมออกมาจากมือหรือบินได้แต่หมายถึงอยากให้คนได้สิทธิ์พิเศษของสัตว์บางชนิดมาไว้ในมืออย่างเช่นจำศีลได้เหมือนหมีเพื่อที่จะได้ท่องอวกาศได้นานๆ, มีเหงือกเหมือนปลาเพื่อที่จะหายใจได้ในน้ำ, มีจมูกเหมือนสุนัขจะได้ดมกลิ่นได้ดีหรืออีกหลายอย่างแล้วแต่จะคิด

มันอาจจะดูเพ้อฝันเกินจริงแต่โทรศัพท์มือถือก็เป็น1ในสิ่งเพ้อฝันเกินจริงนะครับ เมื่อ30ปีที่แล้วใครจะไปคิดว่าคนเราจะคุยกันสดๆแบบเห็นหน้าได้ข้ามครึ่งโลก??????

วันนี้อาจดูเหมือนเรื่องตลกแต่วันใดที่มันมีเค้าโครงขึ้นมาจริงๆอย่างน้อยคุณก็ควรได้ตัดสินใจนะครับว่าจะเป็นมนุษย์แบบไหน???

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ปลาเก๋า

ตูมมมม!!!

ท่ามกลางความงงและสับสน ปลานิลน้อยตัวหนึ่งกำลังพยายามประคองตัวในน้ำอย่างทุลักทุเล

มันพยายามเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน...มันกับเพื่อนๆหลายร้อยกำลังว่ายน้ำอยู่ มีอะไรไม่รู้มาตักมันกับเพื่อนปลานิลตัวเล็กๆเหมือนมันอีกหลายตัวมาใส่ในถุงใสๆ มันโคลงเคลงอยู่ในถุงนั้นมาซักพักแล้วมันก็ถูกโยนลงมาที่นี่

ที่นี่ที่ไหน...?

มันไม่เหมือนที่เก่าเลย กว้างกว่า มืดกว่า มีต้นไม่แปลกๆที่มันไม่เคยเห็นเต็มไปหมด หินก็มี ที่พอจะคุ้นก็คือพวกเพื่อนๆมันที่โดนโยนลงมาพร้อมกันหลายสิบตัวบัดนี้หายไปหมดเหลือเพียงไม่กี่ตัวก็กำลังจะว่ายน้ำหายไปเหมือนกัน

"เฮ้ รอด้วย" มันร้องเรียกปลาสามสี่ตัวสุดท้ายที่กำลังจะว่ายไป "พวกนายจะไปไหนกัน?"

"ไปสำรวจบ้านใหม่สิ" หนึ่งในนั้นพูดขึ้น

"บ้านเหรอ?"

"ใช่ บ้าน ที่ไหนมีน้ำที่นั่นก็บ้านทั้งนั้นแหละ นายจะไปหรือไม่ไ.." ปั๊ป!!!

เสียงดังขึ้นก่อนที่เจ้าปลาตัวนั้นจะพูดจบมันก็ถูกงับเข้าไปอยู่ในปากของ...ของอะไรก็ไม่รู้ที่เจ้าปลาน้อยไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต มันมีปากที่ยื่นยาวฟันแหลมคม ตัวยาวสีออกขาวมีเกล็ดวาวเป็นมัน ตัวใหญ่กว่ามันเป็นสิบเท่า!!!

ปั๊ป!! สิ้นเสียงปลาอีกตัวที่ยังงงๆก็โดนงับสิ้นชื่อไปอีกตัวโดยเจ้าปลาปากยาวตัวเดิม

"เผ่นโว้ยยย" ปลาอีกตัวไม่รอช้าหมุนตัวกลับว่ายไปอีกทิศทางนึง

ปั๊ป!!! โอวว...ปีศาจอีกตัวโผล่มาและดูดเจ้าปลาตัวนั้นเข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว มันไม่เหมือนตัวแรกที่โผล่มา ถึงจะตัวยาวเหมือนกันแต่ตัวนี้หัวมีขนาดเล็ก ตาเล็ก มีครีบพริ้วไหวตลอดลำตัวด้านบน พื้นลำตัวสีเทาส่วนท้องสีขาว ปลายหางเล็กและเรียวยาวมันว่ายน้ำแบบแปลกๆเหมือนลอยตัวในน้ำและกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เจ้าปลานิลตัวน้อยตัวชาว่ายน้ำไม่ออก

"เอ้า จะรอให้มันกินหรือไงไอ้ตัวเล็ก" เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากบริเวณโขดหิน

"ว่ายมาทางนี้"

สิ้นเสียงสวรรค์เจ้าตัวเล็กรีบว่ายไปทางต้นเสียงที่หลบอยู่ใต้โขดหินสองก้อนที่วางทับกัน

"มาหลบอยู่ในนี้ก่อน"

เจ้าปลาน้อยเขยิบตัวหลบเข้ามาในช่องหินพลางมองเจ้าของเสียง มันเป็นปลานิลเหมือนกันแต่ตัวใหญ่กว่าซักสามสี่เท่าได้สีหน้าและแววตานิ่งไม่มีท่าทางกลัวเจ้าสัตว์ประหลาดทั้งสองตัวนั่นเลยผิดกับเจ้าปลาน้อยที่ยังตัวสั่นงันงกไม่หาย

"ไม่ต้องกลัวไอ้ตัวเล็ก มันทำอะไรเราไม่ได้หรอกในนี้ อีกอย่างข้างนอกนั่นยังมีอาหารอีกเยอะ"

"อาหาร? หมายถึงอะไร?"

"พวกแกไงอาหาร พวกแกถูกส่งมานี่เพื่อเป็นอาหารของพวกมัน ข้าก็ด้วย พวกเราปลานิลล้วนเป็นอาหารของพวกมัน ไอ้พวกปลานอก"

"ปลานอก??"

"ใช่ เฮียเค้าเรียก" ปลานิลตัวที่ใหญ่กว่าบอกพลางก้มกินตะกอนที่ตกอยู่

"อาหาร? ปลานอก? เฮีย? โอ๊ยผมงงไปหมดแล้ว ตกลงที่นี่ที่ไหนกันแน่ฮะ"

"เค้าเรียกบ่อเลี้ยงปลาไอ้หนู เราอยู่ในบ่อเลี้ยงปลา คนเค้าเลี้ยงปลานอกแล้วก็ซื้อเรามาเป็นอาหารให้พวกมัน เสร็จมาเยอะแล้ว ใหม่ๆมาไม่รอดหรอกโดนจับกินหมด ไอ้ปลานอกมันกินทั้งวัน เผลอก็โดน ส่วนใหญ่ที่รอดมาก็เพราะเฮีย"

"อ๊ะ งงละสิเฮียคือใคร นิลที่นี่เรียกเฮียว่าเฮียเก๋า เฮียแกอยู่มานาน มาตั้งแต่ตัวเท่าเอ็งนะแหละแต่เอาตัวรอดมาได้เรื่อยๆจนหลังๆแกตัวใหญ่ก็เริ่มงัดกะไอ้พวกปลานอกคอยช่วยพวกนิลมาใหม่ ช่วยได้มั่งไม่ได้มั่ง อย่างข้านี่ก็เกือบโดนไอ้อาบาอาบางับดีที่เฮียแกมาช่วยไว้ทัน ดูที่ครีบซ้ายไอ้อาบาอาบาดิผลงานเฮียแก หายไปทั้งครีบ ฮ่าๆๆ"

"อาบาอาบาก็คือปีศาจพวกนั้นเหรอครับ?"

"อืมม ไอ้ตัวสีเทาๆที่เหมือนปลาไหลนั่นชื่ออาบาอาบา มาจากอเมริกาใต้โหดอย่าบอกใครเห็นมันนิ่งๆงั้นหนะมือคนเลี้ยงมันยังงับเลยอย่าเข้าไปใกล้เด็ดขาด ส่วนไอ้ตัวปากยาวๆนั่นปลาจระเข้มันมีสองตัวพี่น้องชอบหากินด้วยกัน บางทีหนีตัวพี่ได้ก็มาโดนตัวน้องดักแต่ตัวพี่น่ากลัวกว่าเฮียยังไม่ค่อยอยากยุ่งเพราะฟันมันคมเคยมีปลานอกเหมือนกันลงมามันงับขาดครึ่งเลย มีแต่ไอ้อาบาอาบานี่แหละที่มันไม่ยุ่งไม่รู้ทำไม"

"สรุปก็คือเราต้องหนีเอาตัวรอดให้พ้นจากพวกปลานอกแบบนั้นอย่างเดียวเหรอฮะไม่มีทางหนีเลยเหรอฮะ?"

"ใจเย็นไอ้หนูใจเย็น คือจริงๆแล้วมันก็คงต้องเป็นยังงั้นอ่ะนะ แต่ เฮียมีแผนการณ์ วันนี้เฮียให้พวกข้ามารวบรวมนิลที่มาใหม่เท่าที่ทำได้แล้วไปหาเฮียป่านนี้คงไปรวมกันหมดแล้วเราไปหาเฮียกันก่อนดีกว่า ตามมา..."

ปลาตัวพี่เริ่มออกว่ายลัดเลาะไปตามพุ่มไม้และซอกหินโดยมีลูกปลาน้อยตามไปอยู่ไม่ห่างซักพักก็มาถึงก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งซึ่งใหญ่กว่าหินก้อนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัดเพราะความใหญ่ของมันพ้นขึ้นไปถึงเหนือน้ำเลย

"พ้นหลังก้อนหินนี่แหละที่อยู่เฮีย ปลอดภัยแน่นอนพวกนั้นมันไม่กล้าว่ายมา"

พูดเสร็จมันก็พาเจ้าตัวเล็กว่ายลอดหินก้อนนั้นเข้ามา เบื้องหน้ามีนิลจำนวนหลายตัวว่ายรวมกันอยู่ ตัวเท่ามันนับได้หกเจ็ดตัว ใหญ่กว่านั้นเท่าตัวที่พาเข้ามามีห้าตัวแต่ตัวที่โดดเด่นที่สุดอยู่ใต้เงาหินเบื้องหน้าลำตัวมีขนาดใหญ่เท่าปลานิลโตเต็มวัยมีท่าทีสงบนิ่งดูน่าเกรงขามทำให้นิลตัวอื่นๆดูจ้อยไปเลย

"อย่าไปจ้องตาขวาเฮียแกนะ แกไม่ชอบ" นิลตัวพี่กระซิบบอกเจ้าตัวเล็ก

"เอาหละ ได้แค่นี้สินะ" เสียงก้องกังวาลดังออกมาอย่างมีพลังจนนิลตัวอื่นๆต้องรีบหยุดกิจกรรมและหันมามองเป็นตาเดียว

"เฮียขอต้อนรับ" เฮียเก๋าว่ายโผล่หน้ามาจากเงาหินเผยให้เห็นรอยแผลนับไม่ถ้วยบริเวณหัวและที่สะดุดตาที่สุดก็คือแผลฉกรรจ์บริเวณตาขวาจนทำให้ตาขาวและบอด

"ยินดีต้อนรับน้องใหม่ทุกคน ขอให้ตื่นตัวตลอดเวลาอย่าประมาท อย่าออกไปหากินคนเดียว บอกแบบนี้ทุกอาทิตย์ก็เหมือนเดิม เหลือรอดมาแค่นี้จริงๆเพราะนิลเราชอบเหม่ออยู่นิ่งๆไม่ได้ชอบว่ายน้ำสำรวจไปเรื่อย ยังไงให้อยู่กับพวกนิลพี่เลี้ยงที่เค้าอยู่มาก่อนหน้านี้จะปลอดภัยกว่า ตอนนี้เหลือกี่ตัวนะ ห้าหรือหก?"

"ห้าครับ ไอ้จระเข้ตัวพี่งับไปตัวสองอาทิตย์ก่อน" นิลตัวนึงตอบ

"เห็นมั๊ยอย่าประมาท ขนาดอยู่มานานยังโดนเลย" เฮียเก๋าพูดพลางถอนหายใจผ่านเหงือก

"อีกไม่กี่วันเราจะมีแผนการณ์ใหญ่รออยู่ เฮียอยากให้พวกเราตั้งใจฟัง" เฮียเก๋าพูดด้วยน้ำเสียงเข้มแข็งเอาจริงจนเจ้าลูกปลานิลน้อยแอบคิดไม่ได้ว่าน้ำก็กระเพื่อมตามเสียงไปด้วย

"เร็วๆนี้เจ้าของบ่อจะไปพักร้อน คนงานก็ไม่อยู่หลายวันเค้าก็จะต้องไปซื้อลูกปลานิลมาปล่อยตุนไว้เป็นร้อยตัวเพื่อเป็นเสบียงให้ไอ้พวกปลานอกกินตอนที่ไม่อยู่ เราจะรวบรวมกำลังนิลเท่าที่ทำได้มาอยู่ในนี้แล้วเฮียจะไปเฝ้าปากทางไม่ให้ไอ้สามตัวนั้นเข้ามา ส่วนนิลพี่เลี้ยงออกไปหาเสบียงเท่าที่หามาได้มาเลี้ยงพวกลูกนิลและกันไม่ให้มีตัวไหนหลุดออกไป ถ้าแผนเราไปได้ด้วยดีพวกมันจะอดตายก่อนเจ้าของบ่อกลับมาแล้วพวกเราก็จะเป็นอิสระ"

"เย้ๆๆๆๆๆ" เสียงนิลหลายตัวโห่ร้องอย่างดีใจ

"อย่าเพิ่งรีบดีใจ" เฮียเก๋าปราม "เตรียมรับศึกใหญ่กันดีกว่า"

ไม่กี่วันผ่านไปนิลพี่เลี้ยงไปช่วยลูกปลานิลมาได้อีกหลายตัวพร้อมชี้แจงถึงแผนใหญ่และซ้อมตระเตรียมความพร้อมกันจนแทบจะไม่มีเวลาพักและแล้ววันนั้นก็มาถึงลูกปลานิลไม่ต่ำกว่าสองร้อยตัวถูกปล่อยลงมาในบ่อ

ปั๊ปๆๆๆ!!     ปั๊ปๆๆๆ!!   ปั๊ปๆๆๆ!!!   เสียงอาหารมื้อใหญ่ดังอย่างต่อเนื่องด้วยความหิวในขณะที่ลูกพี่ใหญ่อย่างเฮียเก๋ายังคงนิ่งและคอยปรามลูกน้อง

"อย่าเพิ่งๆ รอให้เจ้าของบ่อออกไปก่อน รอสัญญาณจากเฮียคนเดียว" เฮียเก๋าในมาดแม่ทัพใหญ่ที่ยังไม่สั่งให้ทหารหาญเข้ารบแต่ให้รอสัญญาณการรบที่จะพลิกเกมส์การล่าในอาณาจักรแห่งนี้

"อย่าเพิ่ง รอก่อน... รอ... อย่าเพิ่งนะ..." เฮียเก๋ากำชับต่อเนื่องมองดูคล้ายเมล กิ๊บสันในเรื่องเบรฟฮาร์ทเป็นอย่างยิ่ง

"ปัง" เสียงประตูบ้านปิดลง

"ลุยยยยยยยยยย" เฮียเก๋าทะยานนำหน้าแหวกน้ำเป็นเกลียวคลื่นอย่างมีพลังทำเอาปลาตัวเล็กๆกระเด็นออกไปตามแรงน้ำ เสนาทั้งห้ารีบออกตัวตามไปด้วยความพร้อมเพรียงส่วนเหล่าลูกปลารวมถึงเจ้าตัวเล็กต่างขมีขมันเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้

"ปัง" เสียงเฮียเก๋าพุ่งเข้าชนกลางตัวอาบาอาบาเต็มแรงจนมันคายลูกปลานิลออกจากปากและหมุนตัวกลับหนีไปอย่างตกใจ เหล่าเสนาไม่รอช้ารีบต้อนลูกปลาหน้าใหม่ให้ไปยังที่หลบซ่อนทันที

"ไม่อยากตายมาทางนี้" "ตามพวกพี่ๆไปเลยอย่ามัวแต่ช็อกน้ำไอ้หนู" "อย่าเพิ่งกิน ตามพวกไปก่อน" "ไม่ต้องกลัวตามมาๆๆๆ" เสียงเสนาอื้ออึงว่ายวนต้อนลูกปลานิลยาวเป็นสายไปยังค่าย

"เข้ามาเลย ข้างในๆๆ" "ชิดในเลย เขยิบตามกันไป ให้เพื่อนตามเข้ามาเร็วๆ" "เข้าไปก่อนอย่าเพิ่งถามเดี๋ยวเล่าให้ฟัง" "เข้าไปๆๆๆ" เสียงเหล่าลูกปลาที่เพิ่งมาก่อนหน้านี้ไม่กี่วันแต่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีก็ช่วยกันทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

"ปัง" เสียงจู่โจมอีกระลอกของเฮียเก๋าคราวนี้พุ่งเป้าไปยังเจ้าปลาจระเข้ตัวเล็กจนมันกระเด็นติดขอบอ่างแล้วว่ายน้ำเอียงขวาอยู่พักนึงเพราะหัวชนขอบอ่างจนมึน

ปลาจระเข้ตัวพี่ว่ายเข้ามาด้วยความเร็วแต่ด้วยความว่องไวของพันธุ์ปลานิลนั้นเหนือกว่าหลายขุมเฮียเก๋าสะบัดหางพลิกตัวอ้อมไปทางด้านหลังปลาจระเข้ตัวพี่อย่างว่องไว

"นี่สำหรับนิลที่เอ็งงับขาดสองอาทิตย์ก่อน" เฮียเก๋างับครีบหางปลาจระเข้ตัวพี่แล้วสะบัดอย่างรุนแรงไปมา ด้วยความที่ตัวมันยาวกว่าจะหันกลับมาเฮียเก๋าก็จากไปพร้อมเศษครีบหางคาปาก

"เฮฮฮฮฮฮฮ" เสียงร้องเชียร์อย่างสะใจของเหล่านิลดังกึกก้อง บางตัวแอบน้ำตาไหลสะใจที่เฮียเก๋าแก้แค้นให้เพื่อน

เฮียเก๋าว่ายวนไปมาเที่ยวจัดการกับปลานอกทั้งสามส่วนเหล่าเสนาและนิลที่เหลือก็ค่อยๆทยอยต้อนลูกปลานิลมาใหม่มารวมกันในค่ายจนนักล่าลูกปลานิลทั้งสามตัวต่างตกใจและทั้งแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันว่ายวนไปมาแต่ก็ไม่เห็นอาหารเลยซักตัวเดียวจะเข้าไปใกล้เฮียเก๋าที่บัดนนี้ว่ายมาปิดปากทางเข้าก็ไม่กล้า

ภายในค่ายที่บัดนี้มีปลานิลรวมกันอยู่นับร้อยได้ประกาศชัยชนะและต่างโห่ร้องให้สดุดีเฮียเก๋าแต่เฮียเก๋ายังคงสงบนิ่ง หันหน้าไปทางนอกค่ายคอยมองเจ้าสามตัวร้ายไม่ให้ย่างกรายเข้ามาตามเดิม

หลายวันผ่านไปผลของการต่อสู้เพื่อพลิกประวัติศาสตร์เริ่มปรากฏผลให้เห็น แม้ว่าจะมีลูกปลาบางตัวหลุดออกไปโดนจับกินบ้างแต่ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่กันอย่างเป็นระเบียบ เฮียเก๋ามีท่าทีอิดโรยลงไปบ้างแต่ถ้าเทียบกับสามวายร้ายแล้วนับว่ายังดูดีกว่าเยอะ

บัดนี้เจ้าสามตัวต่างว่ายวนอยู่เหนือผิวน้ำรอคอยอาหารที่ไม่ตกถึงท้องให้อิ่มหมีพีมันมาหลายวันแล้ว พวกมันต่างหันหน้าเข้าหากันไม่ยอมให้มีตัวไหนมาอยู่ข้างหลังเด็ดขาดเนื่องด้วยกลัวเสียหางเสือเรือไป เจ้าปลาจระเข้ตัวน้องอาการหนักสุด ว่ายบ้างหงายท้องบ้างเหมือนหมดแรงเต็มที เมื่อไหร่ที่มันเริ่มหงายท้องพวกปลานิลก็จะนับถอยหลังเหมือนนักมวยน็อค 10-9-8-7-6-5-4-3-2-1 เฮฮากันสนุกสนานตามประสาผู้ชนะ

มันเล็งเห็นกันแล้วว่าอีกไม่นานบ่อปลาแห่งนี้ก็จะต้องตกเป็นของพวกมันแล้วก็เริ่มเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเจ้าปลาจระเข้ผู้น้องจากไปอย่างสงบเจ็ดวันหลังจากวันที่ทำสงครามกัน

เฮียเก๋าสะบัดหางให้น้ำกระเพื่อมปลาเล็กปลาน้อยปลิวตามแรงน้ำส่งเสียงเฮฮา บางตัวใจกล้าจะว่ายออกไปแหย่อีกสองตัวที่เหลือแต่โดนพี่เลี้ยงปรามไว้

"ปัง" เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงคนดังเข้ามา มีกระชอนเล็กๆมาช้อนปลาจระเข้ตัวเล็กขึ้นไปจากบ่อ

"พี่ต้อง ปลาจระเข้ตัวเล็กพี่แม่งตายแล้วหวะ" เสียงคนพูดขึ้น

"เฮ้ยตายได้ไงวะไอ้เต้มึงไม่ได้ให้อาหารมันเหรอ" อีกเสียงพูดแบบตกใจ

"ให้พี่ ยังอยู่เพียบเลย แม่งไม่กินไม่รู้ทำไม"

"ไหนๆๆ" ชายผู้ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของบ่อเดินมา

"นี่ไงมันมาหลบอยู่มุมนี้หมดเลยแล้วไอ้ปลานิลตัวใหญ่นี้มาจากไหนวะเต้?"

"ก็ผมบอกพี่แล้วไงว่ามันมีตัวใหญ่อยู่ตัวนึงสงสัยรอดมาแล้วพี่บอกช่างมันให้เลี้ยงไว้ไง ไอ้ตัวนี้แหละชอบวิ่งชนปลาพี่"

"สัด อย่าบอกนะว่ามันกันไม่ให้ปลากูกินลูกปลานิล" ชายที่แต่งตัวเหมือนร็อกเกอร์ย้อมผมยาวหยิกเป็นสีแดงเข้มผู้ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของบ้านนี้พอๆกับเจ้าของบ่อนี้วางกระเป๋าเดินทางลงก้มหน้าลงดูในบ่อแล้วตักลูกปลานิลที่อยู่รวมกันหลังปลานิลตัวใหญ่นั้นขึ้นมาสิบกว่าตัวแล้วนำไปปล่อยตรงที่ๆปลาจระเข้กับปลาอาบาอาบาอยู่

ปั๊ปๆๆๆ!!! ปั๊ปๆๆๆๆ!!! ปั๊ปๆๆๆๆ!!!  ปั๊ปๆๆๆ!!!

จากนั้นเค้าก็ค่อยๆช้อนลูกปลานิลออกมาจากจุกนั้นจนแทบหมดแม้ว่าเฮียเก๋าจะพยายามไล่ชนทั้งกระชอนและทั้งปลานักล่าแต่ก็แทบจะไม่ได้ผล

"ไอ้ตัวนี้แม่งเกเรหวะไล่ชนปลากูด้วย" ร็อคเกอร์หนุ่มผมแดงเจ้าของบ่อพูดอย่างเริ่มหมดความอดทน

"พี่รินๆ" หนุ่มผมแดงหันไปตะโกนใส่หญิงวัยกลางคนที่เพิ่งถือตะกร้าจ่ายตลาดเดินตามเข้ามา

"มาเอาปลานิลไปทอดด้วย"